วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2551

“หากเธอเป็นกวีคนหนึ่ง เธอจะแลเห็นอย่างแจ่มชัดว่า มีเมฆก้อนหนึ่งกำลังล่องลอยอยู่ในหน้ากระดาษแผ่นนี้ ปราศจากก้อนเมฆ ก็ไม่มีฝน ปราศจากฝน ต้นไม้ก็ไม่งอกงาม ปราศจากต้นไม้ เราก็ผลิตกระดาษขึ้นมาไม่ได้... หากเรามองดูกระดาษแผ่นนี้ให้ลึกซึ้งลงไปอีก เราจะสามารถแลเห็นแสงอาทิตย์เฉิดฉายอยู่ในนั้น ถ้าไม่มีแสงอาทิตย์อยู่ในนั้น ป่าไม้ก็ไม่อาจงอกงาม ซึ่งอันที่จริงแล้วก็ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดเจริญเติบโตได้เลย แม้แต่ตัวเราก็ไม่สามารถเติบโตได้โดยปราศจากแสงอาทิตย์ ดังนั้น เราจึงรู้ว่าแสงอาทิตย์สถิตอยู่ภายในกระดาษแผ่นนี้ด้วย ทั้งกระดาษและแสงอาทิตย์ต่างดำรงอยู่อย่างอิงอาศัยกัน และถ้าเราพิจารณาดูต่อไปแล้ว เราจะสามารถแลเห็นคนตัดไม้ ซึ่งนำไม้ที่ตัดแล้วไปยังโรงงาน เพื่อแปรรูปไม้ให้เป็นกระดาษ จากนั้น เรายังแลเห็นข้าวสาลีอีกด้วย เราย่อมรู้ว่าคนตัดไม้ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้หากขาดขนมปัง ซึ่งเป็นอาหารประจำวัน ดังนี้แล ข้าวสาลีซึ่งเป็นขนมปังของคนตัดไม้ จึงปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ด้วย ตลอดจนบิดาและมารดาของคนตัดไม้ก็ปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นนี้เช่นกัน เมื่อเราพิจารณาในลักษณะเช่นนี้ เราก็จะเห็นว่า หากปราศจากสิ่งต่างๆ ทั้งหมดนี้แล้ว กระดาษแผ่นนี้ก็ไม่สามารถปรากฏขึ้นมาได้ หากพิจารณาลึกลงไปอีก เราสามารถแลเห็นว่า แม้แต่ตัวเราเองก็ปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ด้วยเช่นกัน การพิจารณาแลเห็นเช่นนี้มิใช่ของยากเย็นอันใด เพราะเมื่อเรามองดูกระดาษแผ่นนี้ กระดาษแผ่นนี้ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งในความจำได้หมายรู้(สัญญา) ของเรา จิตของเธอจึงอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ และจิตของฉันก็อยู่ในกระดาษแผ่นนี้เช่นกัน ดังนั้น เราอาจกล่าวได้ว่า สรรพสิ่งล้วนปรากฏอยู่ในกระดาษแผ่นนี้ เธอย่อมไม่สามารถระบุได้ว่า มีสิ่งใดที่มิได้อยู่ในกระดาษแผ่นนี้ ไม่ว่าจะเป็นกาลเวลา อวกาศ พื้นดิน น้ำฝน แร่ธาตุในดิน แสงอาทิตย์ ก้อนเมฆ แม่น้ำ ความร้อน ทุกสิ่งอย่างล้วนดำรงอยู่อย่างอิงอาศัยกันภายในกระดาษแผ่นนี้”

จากคำกล่าวข้างต้นทำให้ข้าพเจ้ามีความคิดที่จะนำแคตตาล็อกให้เป็นแค็ตาล็อกที่มีคุณค่า ไม่ใช่แค่ไว้ดูสินค้าของบริษัทเฉยๆ แต่ข้าพเจ้าอยากที่จะให้ลูกค้าเมื่อเปิดแค็ตาล็อกดูแล้วได้เล็งเห็นถึงความพยายาม ความอดทน พลังงานและทรัพยากรต่างๆควบคู่ไปกับการพลิกหน้ากระดาษเพื่อดูสินค้าไปแต่ละหน้า เพราะข้าพเจ้าคิดว่าการที่เราจะช่วยกันอนุรักษ์พลังงานนั้น ไม่ใช่แค่การใช้ทรัพยากรให้น้อยที่สุด ใช้วัสดุที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม แต่เราสามารถช่วยโลกได้ด้วยการทำให้เป็นสิ่งที่มีคุณค่า น่าเก็บสะสม ให้ผู้ใช้เล็งเห็นถึงคุณประโยชน์ของสิ่งนั้นๆ ก็เป็นการช่วยโลกได้อีกทางนึงด้วย

วันอาทิตย์ที่ 8 มิถุนายน พ.ศ. 2551

สัตว์เขตร้อนอาจสูญพันธ์เพราะปัญหาโลกร้อน
นักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัย UCLA และมหาวิทยาลัย Washington ได้พบว่า สิ่งมีชีวิตหลายชนิด เช่น แมลง, สัตว์ครึ่งบกครึ่งน้ำ,
และสัตว์เลื้อยคลาน มีโอกาสเสี่ยงต่อการสูญพันธุ์ อันเนื่องมาจากสภาวะโลกร้อน
นักวิทยาศาสตร์ได้อธิบายว่า ในปัจจุบันสัตว์จำพวกดังกล่าว ได้ปรับตัวให้อยู่ในสภาพอากาศของพื้นที่แถบนี้ได้เป็นอย่างดี ภาวะโลกร้อนทำให้อุณห
ภูมิโดยเฉลี่ยสูงขึ้น ซึ่งส่งผลเสียในการเพิ่มจำนวนประชากร นอกจากการเพิ่มจำนวนประชากรลดลง อาจมีการอพยพย้ายถิ่นของสัตว์กลุ่มดังกล่าว
ซึ่งเป็นการอพยพขึ้นไปทางเหนือ เพื่อหาอากาศที่อบอุ่นกว่า ส่วนพวกที่ปรับตัวไม่ได้ ก็อาจะต้องสูญพันธุ์ไป ซึ่งผลกระทบดังกล่าว ล้วนแล้วแต่ส่ง
ผลกระทบต่อความหลากหลายทางชีวภาพ
ที่ข้าพเจ้าสนใจเรื่องนี้เพราะว่าประเทศไทยของเราอยู่ในเขตร้อน เพราะฉะนั้นต่อไปในอนาคตสัตว์หรือแมลงต่างๆในประเทศของเราอาจจะสูญพันธ์ได้
จึงอยากที่จะให้เราทุกคนช่วยๆกันเรื่องปัญหาเกี่ยวกับโลกร้อน ลดการใช้พลังงาน ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ใช้พลังงานและสิ่งแวดล้อมให้คุ้มค่าที่สุด